The King’s Man กำเนิดโคตรพยัคฆ์คิงส์แมน

the king's man 2021

ผู้กำกับ : Matthew Vaughn

นักแสดง Ralph Fiennes/Charles Dance/Harris Dickinson

ประเภท :  แอ็คชั่น

เรื่องย่อ : 

          The King’s Man เป็นเรื่องราวของจุดเริ่มต้นของหน่วยสืบราชการลับโดยเรื่องราวเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1902 ที่ Orlando Oxford ชายผู้ที่เคยเป็นนักรบนั้นได้หันหลังให้กับการใช้ความรุนแรงไปแล้วนั้นได้ไปที่แอฟริกาใต้เพื่อพบกับกองกำลังอังกฤษโดยเขาไปพร้อมกับครอบครัว (Emily ผู้เป็นภรรยา, Conrad ลูกชาย และชายที่ชื่อว่า Friday Shola) แต่แล้วจู่ๆ เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อกลุ่มกบฏ/กลุ่มต่อต้านรัฐบาลได้ทำการเข้าโจมตีกองกำลังโดยที่ไม่ทันตั้งตัวและการโจมตีนี้ทำให้ Emily ภรรยาของเขาถูกลูกหลงและเสียชีวิตไปแต่ก่อนที่จะสิ้นใจ Emily ได้ขอให้ Orlando ดูแลลูกชายให้ดีและอย่าให้ไปยุ่งเกี่ยวกับสงครามและความรุนแรงต่างๆ ซึ่ง Orlando ก็ได้ให้สัญญาว่าทำให้ดีที่สุด

          หลังจากเวลาผ่านไป 12 ปี (ปี ค.ศ. 1914) Conrad ที่เติบโตขึ้นกลับมีความต้องการที่จะเป็นทหารเข้าร่วมกับกองทัพแต่ Orlando ที่ได้ให้คำมั่นสัญญากับภรรยาไว้จึงได้คัดค้านความคิดนี้ของ Conrad อย่างสุดชีวิต อยู่มาวันหนึ่ง Herbert Kitchener ซึ่งเป็นแม่ทัพของอังกฤษก็ได้มาหา Orlando ที่บ้านและบอก Orlando ว่าเจ้าชาย Franz Ferdinand แห่งออสเตรียตกอยู่ในอันตราย ขบวนรถถูกโจมตีแต่ก็รอดมาได้ด้วยความช่วยเหลือของ Conrad แต่ถึงอย่างนั้นนักฆ่าก็ไม่ลดละความตั้งใจและสังหารเจ้าชายสำเร็จในครั้งต่อมา

          ในขณะที่ลึกเข้าไปในหุบเขาที่ไหนสักแห่งก็มีกองกำลังที่นำโดยชายผู้บ้าคลั่งวิกลจริตได้ทำการบุกทำลายสถานที่ต่างๆ และสร้างความโกลาหลไปทั่้วโลกซึ่ง 1 ในสมาชิกของกลุ่มนี้คือนักบวชที่ชื่อว่า Grigori Rasputin ชายผู้มีอิทธิลต่อ Tsar Nicholas กษัตริย์แห่งรัสเซียเป็นอย่างมาก อังกฤษเองก็กลัวว่าหากรัสเซียไม่สนับสนุนพวกเขาต่อไปในสงครามโลกครั้งที่ 1 มันคงเป็นอะไรที่แย่แน่ๆ หน่วยสืบราชการลับของอังกฤษจึงมั่นใจว่าจะต้องหยุด Rasputin เท่านั้นเพื่อไม่ให้เขาทำให้ Tsar เปลี่ยนใจ ดังนั้น Orlando Conrad Shola และ Polly จึงมุ่งหน้าไปยังรัสเซียเพื่อปฏิบัติภาระกิจลอบสังหาร Rasputin และนั่นก็เป็นจุดกำเนิดของ King’s Man นั่นเอง

 

วิจารณ์หนัง

           Mathew Vaughan นั้นทำเขียนบทออกมาได้ค่อนข้างดีทีเดียว มีการนำตัวบุคคลและเหตุการณ์จริงๆ มาผสมผสานเข้ากับเนื้อเรื่องได้อย่างลงตัวและชวนให้ติดตาม แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับคนที่เคยดู KINGSMAN ไม่ว่าจะภาค The Secret Service (ฉายในปี 2014) หรือภาค The Golden Circle (ฉายในปี 2017) แล้วคาดหวังที่จะได้ดูฉากบู๊มันส์ตื่นตาตื่นใจเหมือนทั้ง 2 ภาคก่อนหน้าอาจจะต้องผิดหวังเพราะเนื้อเรื่องจะเน้นไปที่การปูเรื่องราวให้เราได้รู้ว่า King’s man นั้นเกิดขึ้นมาได้ยังไง มีที่มาที่ไปอย่างไร และอะไรเป็นชนวนทำให้มีองค์กรนี้เกิดขึ้น

           การถ่ายทอดเรื่องราวในช่วง 40 นาทีแรกอาจจะทำให้รู้สึกเหมือนดูละครหลังข่าวแนวดราม่าชีวิตแต่ก็ไม่ถึงกับน่าเบื่อซะทีเดียว แต่ด้วยการถ่ายทอดเรื่องราวที่ไหลลื่นก็จะทำให้เรานั้นอินและติดตามเนื้อเรื่องไปโดยไม่รู้ตัวแล้วลืมนึกถึงฉากบู๊มันส์ๆ ไปได้บ้างและกว่าจะนึกขึ้นมาได้ก็คงถึงช่วงท้ายๆ ของเรื่องที่เป็นฉากการปะทะกับ Rasputin ซึ่งมีการต่อสู้ที่บู๊ดุเดือดตามอารมณ์ของ KINGSMAN เช่นเดียวกับทั้ง 2 ภาคก่อนหน้า สามารถทำให้คนดูได้ลุ้นระทึกตื่นเต้นและตะโกนออกมา(คิดในใจ)ว่า “นี่ละ KINGSMAN ของจริง” ได้เลย เรียกได้ว่ามันส์สะใจตามสไตล์ KINGSMAN แน่ๆ

          แม้จะเป็นช่วงท้ายๆ ของเรื่องก็ตาม สรุปแล้วคือแม้จะไม่ได้เน้นไปที่ฉากบู๊แต่เนื้อเรื่องนั้นชวนให้น่าติดตามและผูกเรื่องราวได้อย่างลงตัวจนไปถึงจุดไคลแม๊กที่ดึงเอาความเป็น KINGSMAN มากระชากอารมณ์ของคนดูให้กลับเข้าสู่โลกของ KINGSMAN ได้อย่างสมบูรณ์

รวม สปอย วิจารณ์หนัง

ร่วมแชร์กับ Getstorypoint

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *