ก่อนที่เราจะนำเรื่องราวสยองขวัญนี้มาเล่าให้ทุกคนได้ฟัง เราได้ขออนุญาติเจ้าของเรื่องแล้ว และเจ้าของเรื่องก็อนุญาตให้เรานำเรื่องนี้มาเล่าได้ เพื่อเป็นอุทาหรณ์หรือข้อคิดสำหรับใครบางคนที่กำลังหลงผิดอยู่ เพราะเรื่องนี้เป็นประสบการณ์หลอนที่มาจากการกระทำที่ผิดพลาดของเจ้าของเรื่องเอง
เรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อนในกลุ่มของเราเองค่ะ กลุ่มเราสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย กลุ่มเรามีกัน 4 คน เราเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่ม เพราะคณะที่เราเรียนไม่ค่อยมีผู้หญิง
เรื่องของเพื่อนเราคนนี้เกิดหลังจากที่เราทำงานกันแล้ว โดยเพื่อนของเราทำงานเป็นวิศวะกรของบริษัทหนึ่ง เพื่อนเราคนนี้เป็นคนที่หน้าตาดีเข้าขั้นหล่อเลยก็ว่าได้ จึงไม่แปลกที่จะมีผู้หญิงเข้ามาติดพันกันมาก ทำให้เพื่อนเรามีเรื่องชู้สาวเป็นประจำ แต่เพื่อนเราก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แฟนของเพื่อนเราเธอเป็นผู้หญิงน่ารัก ยิ้มเก่ง พูดเก่ง อัธยาศัยดีมาก อาจจะเพราะเธอเป็นคุณหมอด้านจิตแพทย์ เลยทำให้เธอรู้จักพูด เพื่อนเราค่อนข้างรักแฟนคนนี้มาก เห็นตั้งมั่นมากว่าจะเลิกเจ้าชู้และวางแผนที่จะแต่งงานเลยทีเดียว แต่แฟนของเพื่อนเราดันสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่อเมริกาได้ แฟนของเพื่อนจึงขอไปเรียนต่อก่อน 2 ปี แล้วค่อยกลับมาแต่ง
ช่วงแรกที่แฟนเพื่อนเราไปเรียนใหม่ๆ เพื่อนเราก็ยังทำตัวปกติดี มีลาพักร้อนบินตามไปหากันเป็นระยะ
แต่มันก็มีเรื่องให้เพื่อนเราตะบะแตก อย่างว่าผู้ชายเจ้าชูมันก็ยังเจ้าชู้อยู่วันอย่างค่ำ เรื่องมันเกิดตอนที่บริษัทของเพื่อนเรารับพนักงานใหม่ เพื่อมาเป็นผู้ช่วยเพื่อนเรา ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานเอกสาร พนักงานใหม่คนนี้เป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารัก อัธยาศัยดี ชอบพูดชอบหยอกล้อ (คนละแนวกับแฟนเพื่อนเรา แฟนเพื่อนเราจะคุยแบบผู้ใหญ่ ) แต่น้องคนนี้จะออกแนวใสๆ ขี้อ้อน ขนาดเราเป็นผู้หญิงเรายังชอบในความน่ารักสดใส และเอ็นดูในการพูดจาฉอเลาะของน้องเค้าเลย น้องเค้าชื่อพลอย
ช่วงแรกเราไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของน้องพลอยกับเพื่อนของเรา เพราะเราทำงานคนละที่ จะเจอก็ตอนที่พวกเรานัดปาร์ตี้กับเพื่อนเรา แล้วน้องเค้ามาด้วย แรกๆบอกไปออกไซต์ด้วยกันเลยชวนมาด้วย หลังๆพวกเราเริ่มผิดสังเกต เลยแซวกันจนเพื่อนเรายอมรับว่าคบกันอยู่ แต่น้องเค้าไม่รู้เรื่องแฟนของเพื่อนเรา เราก็เคยเตือนเพื่อนว่ามีแฟนแล้วไม่ควรไปหลอกน้องเค้านะ แต่เพื่อนเราก็บอกว่า เรื่องมันเกิดเพราะความบังเอิญแล้วก็ปล่อยเลยตามเลยไปแต่ก็กำลังหาทางออกอยู่ (มันคำแก้ตัวของผู้ชายเจ้าชู้แหละ) แต่เราก็ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของเพื่อนมากนักจึงทำได้แค่เตือน
เรื่องมันเริ่มแย่ตอนที่แฟนของเพื่อนเราเรียนจบและกำลังจะกลับจากอเมริกาก็มีการคุยกันผ่าน LINE แล้วน้องพลอยมาเห็น เรื่องจึงแตก เพื่อนเราเลยบอกน้องพลอยว่ามีแฟนแล้ว และแฟนกำลังจะกลับจากอเมริกา ตอนนั้นน้องพลอยร้องไห้ฟูมฟายหนักมากและขอให้เลิกกับแฟน แต่เพื่อนเราก็นิ่งไม่ตอบ ตอนนั้นเราฟังแล้วสงสารน้องพลอยมาก เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเพื่อนเราจะเลือกใคร
จนมาคืนหนึ่งเราได้รับโทรศัพท์เพื่อนเรากลางดึกประมาณตีหนึ่ง เสียงเพื่อนเราร้องไห้ สะอึกสะอื้น บอกว่าน้องพลอยกินยาเพื่อฆ่าตัวตายที่คอนโดเพื่อนเรา ตอนนี้พาตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว พวกเราจึงตามไปที่โรงพยาบาล แต่เมื่อไปถึงน้องพลอยก็เสียแล้ว
เพื่อนเราเล่าว่าน้องพลอยมาหาที่คอนโด และก็ร้องไห้ขอร้องให้เพื่อนเราอย่าทิ้งน้องพลอย เพื่อนเราก็พูดประมาณว่าไม่ทิ้ง แต่เค้าก็ต้องเลือกแฟนที่มาก่อน เพราะแฟนเค้าไม่ได้ผิดอะไร และมีแผนที่จะแต่งงานกันอยู่แล้ว น้องพลอยได้แต่นั่งร้องไห้ และขอไปเข้าห้องน้ำ ผ่านไปสัก เพื่อนเราเห็นน้องพลอยยังไม่ออกมาเลยไปเรียกอยู่หลายครั้งก็ไม่ตอบจึงพังประตูห้องน้ำเข้าไป ก็เห็นน้องพลอยน้ำลายฟูมปาก ในมือถือขวดน้ำยาล้างห้องน้ำอยู่ พอมาถึงโรงพยาบาลคุณหมอก็บอกว่าไม่ทันแล้วน้องเสียชีวิตก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาลซะอีก
เรื่องนี้ทำให้เราสะเทือนใจมาก เพราะเราเองก็มีส่วนผิดที่ช่วยเพื่อนปกปิดว่าเพื่อนเรามีแฟนแล้ว เรารู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก เสียใจกับการจากไปของน้องพลอยมาก
หลังจากที่น้องพลอยจากไป เพื่อนเราก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากที่เป็นคนร่าเริง ก็เก็บตัวพูดน้อยลง ไม่ค่อยไปไหนอยู่แต่ที่คอนโด
จนแฟนเพื่อนเรากลับมาจากอเมริกา เพื่อนเราก็พยายามทำตัวปกติ แต่มันก็มีเรื่องให้แฟนเค้าผิดสังเกตุได้ หลายครั้งเข้า จนในที่สุดแฟนเพื่อนก็ขอเลิกกับเพื่อนเรา
แล้วเพื่อนเราก็หายไป พวกเราติดต่อไม่ได้และไม่ไปทำงานจนที่บริษัทสั่งพักงานเพราะติดต่อไม่ได้ พวกเราเป็นห่วงมากไปหาที่คอนโดก็ไม่เจอ จึงตามไปที่บ้านต่างจังหวัด ก็เจอกับพ่อและแม่ของเพื่อนเรา และเจอเพื่อนเราในสภาพที่ทรุดโทรมมากจนจำแทบไม่ได้
พ่อและแม่เล่าว่าไปหาเพื่อนเราที่คอนโด เพราะติดต่อไม่ได้ ก็เจอเพื่อนเรานั่งเหมือนคนเสียสติเรียกหาแต่น้องพลอย พ่อกับแม่ก็ไม่รู้ว่าใคร พาไปหาหมอก็ไม่มีอะไรผิดปกติ จึงพากลับมาพักที่บ้านต่างหวัดแล้วพวกเราก็ตามมานี้แหละ แต่อาการเพื่อนเรายังไม่ค่อยดีขึ้น บางทีก็ร้อง บางทีก็หัวเราะ และเรียกชื่อน้องพลอยซ้ำๆ พ่อกับแม่จึงถามว่าน้องพลอยคนนี้คือใคร เราจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อกับแม่ฟัง แม่ของเพื่อนเราที่นั่งฟังอยู่ถึงกับน้ำตาคลอ แม่บอกว่าไม่คิดเลยว่าลูกจะทำเรื่องไม่ดีขนาดนี้ แล้วแม่ก็ปล่อยโฮออกมา
หลังจากนั้น พ่อของเพื่อนเราจึงนิมนต์พระมาทำพิธีเรียกขวัญและปัดเป่าสิ่งไม่ดีให้ออกไปจากเพื่อนเรา หลังจากวันนั้นเพื่อนเราก็เริ่มดีขึ้น เริ่มคุย เริ่มกินได้บ้าง และกำลังจะบวชในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ก่อนวันบวช พวกเราก็พากันไปช่วยเตรียมงานและได้มีโอกาสนั่งคุยกับเพื่อนเรา เพื่อนเราเล่าว่าในวันที่น้องพลอยเสีย น้องพลอยเธอขาดใจคาอกของเพื่อนเราที่กำลังกอดน้องอยู่ มันทำให้เพื่อนเราสะเทือนใจและเสียใจมาก และหลังจากเผาศพน้องพลอยเพื่อนเราก็เริ่มรู้สึกว่ามีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา บางครั้งก็เหมือนเห็นน้องพลอยเดินอยู่ในห้อง แรกๆเพื่อนเราก็คิดว่าคงเป็นเพราะความรู้สึกผิดที่ทำไว้กับน้องพลอยจึงเกิดภาพหลอน
จนแฟนเพื่อนเรากลับจากอเมริกา อาการเพื่อนเราก็เริ่มหนักขึ้น บ้างครั้งเห็นหน้าแฟนเป็นน้องพลอย บางครั้งเห็นน้องพลอยนั่งร้องไห้ในห้องน้ำ บางครั้งก็นอนร้องไห้เรียกชื่อน้องพลอยออกมาหลายครั้ง จนแฟนเพื่อนเราผิดสังเกตและจับพิรุธได้ จึงหว่านล้อมถาม จนเพื่อนเรายอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้แฟนฟัง พอแฟนเพื่อนเรารู้เรื่องจึงขอเลิกกับเพื่อนเรา เพราะรับเรื่องที่เพื่อนเรานอกใจจนทำให้ผู้หญิงอีกคนต้องฆ่าตัวตายไม่ได้ ตอนที่แฟนขอเลิกเพื่อนเราร้องไห้ คุกเข่าอ้อนวอนขอโอกาส แต่ก็ไม่ได้รับโอกาสจากแฟน
หลังจากนั้นเพื่อนเราก็รู้สึกว่าน้องพลอยอยู่รอบๆตัว คอยมาชวนคุย ชวนเล่น หัวเราะร่าเริง บางครั้งน้องพลอยก็มานั่งร้องไห้เหมือนจะขาดใจ และตอนที่นั่งคุยกับพวกเราอยู่นี้ น้องพลอยก็ยืนยิ้มอยู่ข้างหลังพวกเรา พอพวกเราได้ยินแบบนั้นถึงกับไปไม่เป็นขยับเข้ามานั่งชิดติดกันโดยอัตโนมัติ
นับตั้งแต่เพื่อนเราบวชจนถึงตอนนี้ก็ 3 ปีกว่าแล้ว พวกเราได้มีโอกาสไปหาพระท่านที่วัดอยู่บ่อยๆ ดูพระท่านแข็งแรงและผ่องใส่ขึ้นเยอะมาก
พระท่านเล่าถึงน้องพลอยว่าช่วงที่บวชปีแรก พระท่านยังเห็นน้องพลอยมาวนเวียนอยู่บ้างแต่หลังจากที่พระท่านหมั่นอุทิศส่วนกุศลให้น้องพลอย และขอให้น้องพลอยอโหสิและไปสู่ภพภูมิที่ดี อย่าได้มีห่วงหรือกังวลอะไรอีกเลย พระท่านก็ไม่ค่อยเห็นน้องพลอย จนปีหลังๆน้องพลอยก็ไม่มาให้เห็นอีกเลย แต่พระท่านก็ยังอุทิศส่วนกุศลให้น้องพลอยทุกวัน
พวกเราถามว่าท่านคิดจะสึกไหม พระท่านบอกว่ายังไม่ได้คิดเลย ถึงแม้น้องพลอยจะไม่มาให้เห็น แต่ความผิดที่ท่านทำไว้กับน้องพลอยมันจะอยู่ในใจของท่านเสมอ ตั้งแต่น้องพลอยจากไป ไม่มีวันไหนเลยที่ท่านไม่รู้สึกผิด ไม่รู้ไม่เสียใจ และตอนนี้ท่านบวชมา 3 ปีแล้วความรู้สึกนี้มันยังอยู่ ภาพที่น้องพลอยขาดใจตายต่อหน้า ภาพพ่อแม่น้องพลอยร้องไห้กอดศพลูกสาว มันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
พระท่านว่า ท่านคงจะไม่สึกอีกเลยตลอดชีวิต เพราะมันคงเป็นวิธีเดียวที่ท่านจะชดใช้ให้น้องพลอยได้บ้าง